latest Post

ต้า PARADOX กับพ็อคเก็ตบุ๊คอันน่าทึ่งที่คุณควรมีไว้ในครอบครอง

อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา หรือ ต้า PARADOX ถ้าเอ่ยชื่อนี้ หลายๆ คนคงจะนึกถึงภาพของนักร้องหนุ่มสายอัลเทอร์เนทีฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในแวดวงดนตรี แต่ในคราวนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาในฐานะนักร้องหรือนักดนตรีอย่างภาพที่เรารู้จักกัน แต่เขามาในฐานะนักเขียนคนหนึ่งที่จะมาเล่าถึงเส้นทางการทำงานดนตรีของเขาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากปลายปากกาจนมาเป็นหนังสือที่มีชื่อว่า "ความฝันในแดนสนธยา"

ที่มาที่ไปของหนังสือความฝันในแดนสนธยา?

ก็ต้องย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นกำลังจะทำอัลบั้มชื่อว่า Paradox X ครับ เป็นอัลบั้มที่รวมครบรอบ 10 ปีของวง ก็เกิดไฟแรงขึ้น ด้วยความที่เป็นชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เวลาไปร้านหนังสือก็จะไปแต่แผนกที่เกี่ยวกับเรื่องดนตรี แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีหนังสือที่เกี่ยวกับการทำเพลง ทำอัลบั้ม หรือการแต่งเพลง ก็เลยคิดว่า เออ ช่วงนี้กำลังจะทำอัลบั้มแล้ว ก็ทำเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำอัลบั้มนี้ควบคู่กับทำอัลบั้มในตอนนั้นไปเลย แล้วผมก็รู้สึกว่าคนที่อ่านหนังสือก็จะช่วยขายอัลบั้มนั้นด้วย ส่วนอัลบั้มซีดีนั้นก็จะช่วยขายหนังสือด้วย ทั้งสองอย่างมันก็จะเอื้อต่อกัน ผมก็เลยเอาโปรเจ็คนี้ไปเสนอ พี่จีที่เป็นบก. Mars space แล้วก็ได้พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกออกมาชื่อว่า "บันทึกลึกลับ Paradox X" ซึ่งเป็นการรวบรวมขั้นตอนการทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ แล้วฟีดแบ็คก็ดีครับ แฟนเพลงชอบ พิมพ์ออกมาสามสี่รอบเลย แล้วเวลาผ่านไป อัลบั้มใหม่ยังไม่เกิด แฟนเพลงมาบอกว่าถ้ามีอัลบั้มหน้าอยากให้มีหนังสืออีก ซึ่งพอดีผมได้ย้ายสำนักพิมพ์มาทาง Geek Book แล้ว ถ้าเทียบกับเล่มนั้นมันยังฟิตอยู่ แต่เล่มนี้ค่อนข้างฉุดละหุก ก็เลยเปลี่ยนวิธีการทำเป็นกึ่งถอดสัมภาษณ์ แล้วก็ได้เป็นหนังสือเล่มนี้ออกมาครับ

ทำไมถึงให้ชื่อว่าความฝันในแดนสนธยา?

ทางสำนักพิมพ์ และพี่จีครับ เห็นมุมมองประมาณว่า หนังสือเล่มนี้มีลักษณะของแชร์กันค่อนข้างเยอะ และอยากให้ชื่อมันอินกับอัลบั้ม ซึ่งอัลบั้มนี้มันจะเป็นบ็อคซ์เซต มีสองอัลบั้มเป็นทูโทนเป็นด้านภาคมืด และภาคสว่าง ในส่วนของภาคสว่างเนี่ยชื่อว่า Day Dreamer เคยออกไปแล้ว ซึ่งมันจะเกี่ยวกับความฝัน ความเพ้อฝัน ส่วนด้านมืดจะเป็น Before Sunrise, After Sunset เราก็เลยมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้ชื่อมันอิงกับอัลบั้มนี้ได้ ก็เลยนึกไปถึงฝันของภาคสว่าง Day Dreamer เอามาผนวกกับความมืดของ Before Sunrise, After Sunset ผสมกันไปผสมกันมาจนออกมาเป็นคำว่า "ความฝันในแดนสนธยา" ซึ่งจะอิงกับอัลบั้มนี้ของ Paradox ที่มีเรื่องของความฝันความมืดที่ออกหลอนๆ หน่อยครับ

 ใช้เวลาเขียนนานขนาดไหนครับ?

น้อยครับ เล่มนี้มีเวลาค่อนข้างน้อยเลยครับ ถ้าเทียบกับหนังสือเล่มที่แล้วจะละเอียดกว่า แต่เล่มนี้มันเป็นลักษณะของการถอดความ ถอดสัมภาษณ์ เพราะการทำงานของอัลบั้มนี้ค่อนข้างที่ทำงานยากแล้วก็เหนื่อยด้วยครับ ซึ่งตอนแรกผมถอดใจไปแล้ว แต่ทางพี่จี และทางทีมเขาบอกว่าอยากให้มีออกมา เพราะว่าแฟนเพลงเขาอยากเห็นอยากอ่าน ก็เลยค่อนข้างที่จะเร่งกระชั้นชิดพอสมควรครับ ใช้เวลาทำไม่ได้เยอะมาก แต่สุดท้ายก็ออกมาได้ดีทีเดียวครับ

ถือว่าเป็นแหล่งรวมไอเดียที่ใช้ทำเพลงทั้ง 22 เพลง พอจะช่วยแง้มให้ฟังสัก 1 เรื่องได้ไหมครับ?

ได้คับ อย่างสมัยก่อนที่เราไปซื้อซีดีเพลง มันจะมีปกแล้วเราก็จะเปิดอ่านกันใช่มั้ยครับ ทีนี้หลายๆ คนอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่จุใจ อยากจะรู้รายละเอียดเชิงลึกของเพลงมากกว่านี้ อย่างเช่น เพลงนี้เขามีความหมายยังไง เราก็จะเล่าแบบละเอียดๆ ให้ฟังในหนังสือเปรียบเสมือนเวลาเราไปทานอาหารเห็นในเมนูชี้ปุ๊ปก็มีกุ๊กมาปรุงให้ดูตรงหน้าเลย ประมาณนั้น ฉะนั้นคนอ่านก็จะรู้ได้ถึงความลึกซึ้งของเพลงๆ นั้นได้ ไม่ต่างกันจากที่เปรียบเทียบเมื่อกี้ เราจะเล่าเชิงลึกของเพลงแต่ละเพลงถึงขนาดที่ว่าเสียงแบบนี้มันมายังไงทำยังไงเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น เพลง "กินเนื้อนางเงือก" ชื่อมันจะประหลาดหน่อย คุณสองเขาเป็นคนแต่งขึ้นมาครับ ก็จะเล่าถึงเพลงนี้เป็นเพลงที่มีปัญหาหนักมาก พยายามแทรกมาจนถึงเพลงสุดท้ายของอัลบั้มเลย คือลัดคิวกันแบบสุดๆ มาเป็นเดโมดิบๆ เลย เพราะมันมีปัญหามาก คือไฟล์เสียงกีต้าร์มันหายครับ ก็เลยไปตามหาไฟล์กีต้าร์ ความสนุกมันก็เลยเกิดขึ้นที่เราไปตามหาที่คนอัด คนอัดก็บอกว่าฮาร์ดดิสพัง ผมก็เลยไปตามหาที่ห้องอัดอีกเผื่อห้องอัดเค้าจะเก็บไว้ แล้วฮาร์ดดิสห้องอัดก็พังอีก สุดท้ายก็ไม่รู้จะทำยังไง เอาเดโม่เลยล่ะกัน บังเอิญว่ามีน้องเขาช่วยอัดเอาไว้ ก็เลยโทรไปหาน้องเขาบอกว่าที่เป็นเดโม่มานั่นแหละเอาเท่าที่มี น้องก็บอกว่าขอเวลาวันนึงแล้วเขาก็โทรกลับมาบอกว่า พี่ฮาร์ดดิสผมพัง สุดท้ายเพลงนี้ก็เป็นเพลงอาถรรพ์ที่ว่าอยู่ฮาร์ดดิสไหนฮาร์ดดิสนั้นก็พังหมด ผมก็เลยเริ่มอัดกันใหม่เอาเศษๆ ของวัตถุดิบที่มีมามิกซ์กัน สิ่งแรกที่ผมทำเลยก็คือวิ่งไปซื้อฮาร์ดดิสที่ร้าน ผมกลัวมันจะพังซ้อนสี่อีก ก็ประมาณนี้ครับ มันจะมีอะไรที่สนุกสนานมากมายในการทำเพลงรวมอยู่ในเล่มนี้แหละครับ

นอกจากเรื่องไอเดียในการทำเพลงแล้ว ภายในเล่มมีเกี่ยวกับประสบการณ์หลังเวทีของพี่ต้ารวมอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ?

จะมีเกี่ยวข้องกับพวกการแสดงคอนเสิร์ต แต่จะมีภาพหายากที่รวบรวมกันมา แต่ก็มีภาพหลังเวทีด้วยครับ รวมๆ กัน

ประสบการณ์หลังเวทีที่ประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา?

เคยเจอเป็นเรื่องอาถรรพ์ครับ ตอนนั้นไปเล่นที่หอประชุมธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งก่อนที่จะเล่นเนี่ย ก็มีทีมงานของสถานที่เขาห้ามไว้ว่าอย่าเล่นไฟนะ อย่าพ่นไฟ ตอนที่เขาอธิบาย เขาก็มาอธิบายกับคนในวง แต่ยกเว้นอยู่คนเดียวที่ไม่ได้ฟังซึ่งเป็นคนที่เล่นไฟ พอตอนที่กำลังเล่นอยู่ น้องคนนี้ก็มาเล่นไฟด้วยความไม่รู้ ตอนเล่นอยู่ก็ไม่มีอะไรครับ แต่พอเล่นเสร็จแล้ว เราลงมาคุยกันอยู่หลังเวที มันเหมือนหนังเรื่อง Final Destination เลย ไฟดับฟุ๊บ! สายไฟขาดมาจากไหนไม่รู้ แกว่งแบบมีไฟแล่บแปร๊บๆ มาเลย เหวี่ยงฟาดเฉี่ยวหัวเพื่อนๆ ไป น่ากลัวมากๆ ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรครับ

 เรื่องไหนในหนังสือที่พี่ต้าชอบที่สุด และอยากจะแนะนำให้ผู้อ่านครับ?

การทำงานภาพรวมของอัลบั้มครับ เพราะว่า เวลาเราอ่านแล้วจะรู้ว่ามันเหมือนไดอารี่ชีวิต ที่หลายคนจะไม่รู้คิดว่าเราทำงานกันแป๊ปเดียวแล้วเสร็จ แต่ว่ามันเป็นการเล่าเรื่องที่ออกแนวบ่นๆ นิดนึง ส่วนตัวผมชอบอ่านส่วนที่ตัวเองบ่นๆ ลงไป แต่ถ้าจะให้แนะนำผู้อ่าน ส่วนที่น่าสนใจคือเบื้องหลังของแต่ละเพลงที่มีที่มาต่างกันครับ เพราะว่าอัลบั้มนี้ใช้เวลาในการทำงานนานมากเกือบ 10 ปี เพราะฉะนั้นแต่ละเพลงจะมีที่มาที่เฉพาะมากๆ ในระหว่าง 10 ปีมันมีช่วงชีวิตที่มันเปลี่ยนแปลงไป บรรยากาศเปลี่ยน มุมมองที่เปลี่ยนในระหว่าง 10 ปี แต่ละเพลงจึงมีความลึกซึ้งในแบบของมันอยู่ และน่าสนใจมากๆ เลยอยากให้มีเก็บไว้กัน เพราะน้อยมากที่จะมีหนังสือที่เขียนเจาะถึงการทำเพลงลึกๆ แบบนี้มาให้อ่านกัน ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะส่งเสริมให้คนสนับสนุนของแท้มีลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้คนฟังเพลง แล้วตัวซีดีเพลงก็จะส่งเสริมให้คนอ่านหนังสือด้วยครับ

ทราบว่าในบ็อกซ์เซตมีของขวัญพิเศษสำหรับแฟนๆ ด้วย มันมีอะไรบ้างครับ?

จะมีกล่องที่สามารถเอาไว้เก็บหนังสือได้ และมีซีดีเพลงที่เก็บซีดีเพลงในตัว แถมผ้าปิดปากที่เป็นของที่ระลึกเอาใช้ดูคอนเสิร์ตได้ด้วยครับ ซึ่งจะสกรีนเป็นรูปหัวกระโหลกที่เป็นลายเซ็นเก่าของผมเองด้วย

ฝากอะไรถึงแฟนๆ สักนิดนึงครับ?

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ค่อนข้างพิเศษ ในประเทศไทยเนี่ย ผมขอยืนยันว่าการที่จะมีหนังสือดนตรีในเชิงลึกเนี่ยมันหาได้น้อยจริงๆ ครับ แล้วก็เมื่อหนังสือดนตรีเชิงลึกแบบนี้มันเกิดมาแล้ว อยากให้ลองหามาอ่านกันดูครับ แล้วถ้าชอบ อยากจะบอกว่า Paradox ก็เพิ่งออกอัลบั้มนี่เนี่ยแหละในรอบ 10 ปี แล้วเราก็มีแผ่นที่สามารถจับต้องได้แล้ว ลองหามาทั้งอ่านทั้งฟังได้ครับ ส่วนพวกเราจะพยายามสร้างโลกดนตรีที่มันใหม่ และแปลกให้แฟนได้ติดตามกันอีกครับ ขอบคุณครับ

ขออนุญาตใช้เนื้อหา
RUSH Variety,Before Sunrise After Sunset,Book,music,paradox,Rock,Tar Paradox,ดนตรี,ต้า,ต้า paradox,ร็อค,หนังสือ,เพลง

About TheeWay

TheeWay
Recommended Posts × +